วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

4. ถวายหัวใจกราบกราน ณ เจดียสถาน วัดภูผาแดง

คำสอนพระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด
“ให้เราคิดถึงครูบาอาจารย์
เป็นผู้มีบุญคุณอยู่บนหัวใจ
หรืออยู่บนกระหม่อมจอมขวัญของเราเสมอ
อย่าได้ลืม อย่าได้ลบหลู่ดูหมิ่น
เราจะเป็นผู้เจริญในอนาคต...”
พระคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์
แผ่นดินแผ่นฟ้ายกมาคงไม่เทียบคุณของท่านได้
ประโยชน์มากมายท่านทำไว้ให้ลูกหลาน
ท่านยอมทุกข์ ยอมทนทุกอย่างเพื่อกุลบุตรลูกหลาน
เพื่อยังพระศาสนา หัวใจที่มีแต่ให้ของท่าน
น้ำใจของท่านเต็มแผ่นดิน
กราบขอบูชาเทิดคุณของท่านไว้ในหัวใจตลอดกาล

        คณะผู้จัดทำขอถวายบูชาคุณพระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ถวายบูชาคุณพระหลวงปู่ลี กุสลธโร
ถวายบูชาคุณพระคุณแม่จันดี โลหิตดี
พระคุณแม่จันดี เมตตาบอกกล่าวแก่ศิษย์
“หัวใจของแม่ อยู่ที่เจดีย์พระหลวงตาวัดถ้ำผาแดง”

ประวัติโดยย่อของพระคุณแม่จันดี โลหิตดี
ท่านอายุ 82 ปี (วันพุธที่ 12ก.ย.2473)คุณพ่อชื่อ นายทองดี คุณแม่แพงศรี โลหิตดี
เกิดที่หมู่บ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
ท่านเป็นน้องสาวพระหลวงตามหาบัว
ญาณสัมปันโน เป็นน้องสาวคนที่ 9 ที่ยังมีชีวิตอยู่
และได้เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมที่วัดป่าบ้านตาด
โดยมีพระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ซึ่งเป็นพระพี่ชายและครูบาอาจารย์ของท่าน
เป็นผู้อบรมสั่งสอน
พระคุณแม่จันดี เป็นผู้ที่ออกมาปฏิบัติธรรม
โดยไม่ได้บวช และเป็นผู้ที่เคารพธรรมวินัย ถือแบบ
ปฏิบัติเช่นเดียวกับพระอย่างเคร่งครัด ท่านให้ความ
เมตตาและความอบอุ่น ต่อลูกศิษย์และญาติโยมทั้ง
หลายที่มากราบท่าน ท่านจะให้คำอบรมสั่งสอน
ทั้งที่เป็นการปฏิบัติแก่คนที่มาขอรับฟังคำสอนของ
ท่าน เพื่อนำไปปฏิบัติ หรือคำแนะนำในการใช้ชีวิต
ประจำวัน แม้ธาตุขันธ์ท่านจะไม่แข็งแรง แต่ท่านก็
รับแขก เพื่อจะให้ทุกคนได้รับแต่สิ่งที่ดี และเป็น
ประโยชน์กลับไป
ภายใต้ท่าทางที่ดูสงบ เรียบง่ายและความ
อบอุ่นที่ได้รับ ท่านก็จะมีความเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด
จริงจัง จนดูน่ากลัวสำหรับเราผู้อ่อนแอ ดวงตาของ
ท่านเวลาสอนลูกศิษย์ต่อสู้กับศัตรู คือกิเลส ท่านจะ
ดูอาจหาญ ขึงขัง เด็ดเดี่ยว จริงจังมาก ถ้าลูกศิษย์
คนใดจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ท่านก็จะค่อย ๆ ทะนุ
ถนอม แต่ท่านจะเปรยลับหลังลูกศิษย์ผู้นั้นว่า
"
กิเลสในใจของตัวเองก็ฆ่ามาแล้ว
นี่ต้องได้มาเอาใจกิเลสของผู้อื่น
โอ๊ย น่าอเนจอนาถ"
การเรียนรู้ศึกษาธรรมกับท่าน ยิ่งเรียนยิ่งซาบ
ซึ้งในคุณของท่าน สำหรับผู้ที่ต้องการความพ้นทุกข์
หรือผู้ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เมื่อได้เข้ามา
สนทนากับท่าน ก็จะได้รับข้อธรรม และสิ่งที่ดีมี
ประโยชน์ที่ท่านหยิบยื่นให้
เมื่อมาเรียนรู้ศึกษาธรรมกับท่าน จึงได้เห็นแง่
มุมต่าง ๆ ของสติปัญญาพระผู้เหนือโลก ทั้งแปลก ทั้ง
อัศจรรย์ และไม่สามารถคาดเดาได้ ท่านเป็นครูบา-
อาจารย์ ที่น่าศึกษาเรียนรู้ ทางที่ท่านให้เดินและให้
กระทำเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะเป็นการทวนกระแส
โลก และฝืนกิเลสในใจเราทั้งสิ้น จึงเป็นความทุกข์ที่สุด
แต่เมื่อยอมฝืนใจและทำตาม สิ่งที่ได้รับจะเกินความ
คาดหมาย และได้รับประโยชน์สูงสุด
พระคุณแม่จันดี เมตตาธรรม
v ความเมตตาและให้อภัยเป็นจิตที่ยิ่งใหญ่
v
ศีล คือ เจตนางดเว้นการทำความชั่วทางกาย
ทางวาจา ทางใจ
v
รู้ที่เกิดจากจิต คือ รู้จริง
รู้ที่เกิดจากสมอง คือ รู้หลอก
v
พุทโธ คือ ยาชะลอความหลง
v
ธรรม คือ ธรรมชาติ ธรรมไม่มีที่หมาย
กาย คือ ลายแทง จิต เป็นขุมทรัพย์
v
คำว่าใช่ หรือ ไม่ใช่
คือ การตั้งค่าของสมมุติ
อยาก และไม่อยาก
คือ ตัวขับเคลื่อน
ของความหลง
อยาก และ ไม่อยาก เรียกว่าตัณหา
สมมุติบัญญัติ คือ การตั้งค่า
สมมุติบัญญัติ เรียนไม่จบสิ้น
เพราะมีการตั้งค่า เช่น ตัณหา
v
น้อมใจไปที่กาย
ดูกาย ดูจิต คือ ที่เดียวกัน
เพราะผู้ดู คือ ผู้รู้ ผู้เดียวกัน
ผู้ฉลาดเรียนรู้จากกาย-จิต
ผู้อยากรู้ผิด เรียนภายนอก
v
ธรรม คือ ประโยชน์
อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ธรรม
v
สมมุติบัญญัติตั้งค่า
๑ ๒ เรียก หนึ่ง-สอง หรือ สิบสอง
ค่าถูกเปลี่ยนไปทันที ตามการตั้งค่า
หรือ ๒ ๑ เรียก สอง-หนึ่ง หรือ ยี่สิบเอ็ด
ค่าถูกเปลี่ยนไปตามสมมุติบัญญัติ การตั้งค่า
หรือ ๐ ศูนย์ ถูกตั้งค่าว่า ไม่มีค่า
แต่เมื่อ ๐ ศูนย์ มาอยู่ หรือ ถูกวางตามตำแหน่งอื่น
ค่าของ ๐ ศูนย์ ก็เปลี่ยนไปทันที
ตามการตั้งค่า หรือสมมุติบัญญัตินั้น ๆ ทันที
ของทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนตกอยู่ภายใต้
กฎของสมมุติที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดและตั้งค่าทั้งสิ้น
นอกจากกฎธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถ
กำหนดและเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ
เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ
ความตาย ความเป็นจริง
ที่อยู่เหนืออำนาจการกำหนดและบังคับของมนุษย์
v
อยาก ไม่อยาก หมาย ไม่หมาย คือ การตั้งค่า
จิตที่ไม่หมาย และ ไม่อยาก
จึงเป็นจิตที่เป็นปกติสุข
เกาะกระแสจิตไปกับพุทโธ
v
ความอดกลั้น
เป็นธรรมเครื่องแผดเผากิเลสอย่างยิ่ง
ความอืดอาด เชื่องช้า เหนื่อยหน่าย
ไม่เคยมีใครได้ดี
v
นักปฏิบัติ
หลงติดอยู่ที่ความพอใจ และไม่พอใจ เป็นเครื่องอยู่
เอาความพอใจ และไม่พอใจเป็นเครื่องอยู่
เมื่อพอใจ ได้สมใจก็เป็นสุข
เมื่อไม่พอใจก็เกิดทุกข์
แต่ทั้งสุขและทุกข์ ก็ยังเป็นเงื่อนของสมมุติ
ไม่มีใครคิดที่จะอยู่ตรงกลาง ระหว่างสุขกับทุกข์
เพราะตรงนั้นไม่มีทั้งความพอใจ และไม่พอใจ
แต่เป็นความพอ พอดี
ผู้ที่หลงเพลิน เล่นอยู่กับความพอใจ และไม่พอใจ
จึงได้หนังสือเดินทางแห่งการท่องเที่ยวของภพชาติ
ติดตัวไปตลอด
v
ความพอใจ และไม่พอใจ
เป็นอาหารชั้นยอดเยี่ยมของกิเลส
v
อยาก เมื่อไม่ได้อย่างที่อยาก ก็เป็นทุกข์
ไม่อยากได้ แต่ได้ ก็เป็นทุกข์
v
ใครจะว่าอะไร ไม่ต้องไปสนใจ
ใครเขาอยากได้อะไร เขาทำอะไร เขาก็ได้สิ่งนั้น
ใครอยากได้อะไร ก็ทำเอา ใครทำอะไร ก็ได้สิ่งนั้น
ไม่ต้องไปสนใจ ฝ่าโลกธรรม ๘ ออกไปให้ได้
เรื่องของโลกธรรม ๘ เรื่องมงคลตื่นข่าว
แตกซ่านกันไปไม่รู้จักจบ ฝ่าให้ได้ ทิ้งให้เร็วที่สุด
v
ผู้ที่ทิ้ง ท่านจึงเบา
ผู้ไม่เอา ท่านจึงสบาย
v
กลิ่นผู้ที่มีศีล มีธรรม
จะหอมฟุ้งกระจาย ไปทั่ว ๓ โลกธาตุ
v
ตายก่อนห่อนรู้ธรรม
ธรรมอยู่ฟากตาย
สละตายจึงได้ธรรม
v
ใจเฮ้ย ใจใคร กายเฮ้ย กายใคร
ผู้ใด กล่าวตู่ ผู้นั้น ยังหลง
หลงแผ่นดิน แผ่นฟ้า ยังไม่น่าห่วง เท่าหลงกายา
v
ตะวัน บ่ายคล้อย คอยกาย สลาย
จิตไม่มี ที่หมาย ตายจม กองทุกข์
เฮ้ย เฮ้ย เหวย เหวย คนอยากลาโลก
ความทุกข์ ความโศก เอาออกไม่ได้
จวบจนวันตาย ที่ไม่หมายต้องเจอ
v
ผู้ที่ภาวนาได้ยาก
เพราะมองออกแต่ข้างนอก
ไม่ดูใจตัวเอง จิตจึงไม่สงบ
v
ผู้ที่มีสติ สังเกตจิตอยู่ตลอด
ไม่เหลือวิสัย มีอยู่ในใจของทุกคน
อย่ากลัวตาย กิเลสมันกลัวตาย
รอดตายจึงได้ธรรม...ให้เอาชีวิตแลกธรรม
v
ผู้ใดหมั่นพิจารณาจิต
ผู้นั้นจะพบธรรมแท้ สุขแท้...
นั้นคือที่สุดของผู้หยุดวัฏฏะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น