กิเลสกับธรรมเป็นคู่แข่งขันกัน
การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลเท่าที่ควร พึงทราบจริตนิสัยของตนก่อนว่า หนักไปทางใด เพราะกิเลสกับธรรมเป็นคู่แข่งขันกันเหมือนนายแพทย์ผู้ฉลาดก่อนวางยาคนไข้ก็ตรวจดูสมุฎฐานพร้อมทั้งอาการของโรค แล้วค่อยวางยาให้ตรงกับสมุฎฐานของโรค ฉะนั้นเช่น จริตหนักไปในทางเบียดเบียนโหดร้ายต่อผู้อื่น ควรเจริญเมตตาสงสารเพื่อเป็นเครื่องลบล้างกัน ความเบียดเบียนโหดร้ายเมื่อถูกอบรมด้วยธรรมคือความเมตตาแล้ว จะกำเริบรุนแรงไปไม่ได้นับวันที่จะอ่อนโยนสงสารต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ด้วยกันโดยถ่ายเดียว
อนึ่ง สิ่งใดเป็นเพื่อความขัดขวางตัดรอนความดี และขัดขวางจิตใจไม่ให้ความสะดวกเพื่อประพฤติความดี เมื่ออนุโลมตามแล้วยิ่งกำเริบรังควานใหญ่ เหมือนคนไข้ชอบอาหารแสลงแก่โรค เมื่อรับประทานลงไปยิ่งยังโรคให้กำเริบรุนแรงฉะนั้น สิ่งนั้นเรียกว่ามาร มารนี้ท่านจำแนกไว้มี ๕ คือ กิเลสมาร ขันธมาร มัจจุมาร เทวปุตตมาร และอภิสังขารมาร มารเหล่านี้ท่านก็ให้นามว่าธรรมเหมือนกัน
แต่เป็นธรรมฝ่ายชั่ว และเป็นคู่แข่งขันกันกับธรรมฝ่ายดี ผู้ปฏิบัติเพื่อธรรมฝ่ายดี จึงต้องรบกับศตรูเหล่านี้ให้ได้ชัยชนะ
หนังสือ "ธรรมคู่แข่งขัน" ที่พิมพ์ครั้งแรกที่ โรงพิมพ์ชวนพิมพ์ โดยนายชวน ศรสงคราม ผู้พิมพ์ |
หนังสือธรรมคู่แข่งขัน
ก่อนอื่นบอกกล่าวเรื่อง "เจ้า" (ประธาน) ของโลกและธรรมพอเป็นแนวทางการอธิบายธรรม
ในแง่ต่าง ๆ
คำว่า "เจ้า" คือเป็นใหญ่เป็นประธานของสิ่งที่มีวิญญาณ และหาวิญญาณมิได้ และเป็นเจ้าแห่งสมบัติทั้งทางโลกและทางธรรม ถ้าเป็นเทวดาก็เป็นหัวหน้าแห่งเทวดาทั้งหลาย ถ้าเป็นมนุษย์ก็เป็นหัวหน้าคือเจ้านายโตของประชาราษฎร เรียกว่า พระเจ้าแผ่นดิน ผู้เป็นองค์ประมุขของประเทศนั้น ๆ บ้าง ของอำเภอนั้น ๆ บ้าง ของตำบลหมู่บ้าน และครอบครัวนั้น ๆ บ้าง
ถ้าเป็นฝ่ายศาสนาก็เป็นเจ้าแห่งสงฆ์ คือเป็นศาสดาของสงฆ์บ้าง เป็นสังฆราชแห่งสงฆ์บ้าง เป็นสังฆนายก สังฆมนตรี เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด อำเภอ ตำบล และเจ้าอาวาส และยังมีรองเจ้าคณะนั้น ๆ ตามลำดับชั้นลงมา
นี้จัดเป็นฝ่ายโลกฝ่ายธรรม และผู้เป็นประธานแผนกหนึ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ จัดเป็นโลก เป็นธรรม
และผู้เป็นประธานอีกแผนกหนึ่ง
คำว่า โลก โดยย่อมี ๓ คือ กามโลก เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ ที่ยังไม่ปราศจากกามารมณ์ นับแต่สวรรค์ชั้นฉกามาวจร ลงมาถึงมนุษย์ และสัตว์ดิรัจฉานทุกประเภท ซึ่งมีกามเป็นเจ้าครองโลก จัดว่ากามภพภูมิทั้งนั้น
รูปโลก ได้แก่พรหมโลก ซึ่งเป็นโลกปราศจากกามารมณ์ด้วยอำนาจแห่งฌานมีพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เป็นเครื่องอยู่ กับมีฌาน ๔ มีปฐมฌานเป็นต้นประจำใจ ฌานเหล่านี้มีความละเอียดกว่ากันเป็นชั้นตามลำดับ
และอรูปโลก โลกนี้ก็ให้ชื่อว่าพรหมเหมือนกัน แต่ชั้นนี้เบื่อรูปโลกด้วยมีฌาน ๔ เรียกว่า
อรูปฌาน คือ อากาสานัญจายตนะ เป็นต้น มีความละเอียดกว่ากันเป็นชั้น ๆ และจะละเอียดกว่ารูปฌานเบื้องต้นด้วย ทั้ง ๓ โลกรวมเข้าด้วยกัน เรียกว่า ไตรโลกหรือไตรภพเป็นที่อยู่ของสัตว์ผู้มีกิเลสเป็นเจ้าครองใจ
ธรรมแยกโดยย่อยมี ๓ คือ กุศลธรรม ธรรมฝ่ายดี อกุศลธรรม ธรรมฝ่ายชั่ว และอัพยากตาธรรม
ธรรมกลาง ๆ ปราศจากดีชั่ว โลกกับธรรมทั้งสองนี้ ถ้าเป็นสมบัติก็เรียกว่าเรี่ยราด ปราศจากเจ้าของรับผิดชอบชั่วดี
ฉะนั้นเพื่อให้โลกกับธรรมทั้งสองมีความหมายเด่นชัดขึ้นเต็มที่จึงต้องยกตัวประธานมากำกับ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นสมบัติลอยลมไปเสีย ตัวประธานในที่นี้หมายถึงใจ ใจนี้เป็นธรรมอันหนึ่งซึ่งมองด้วยตาเนื้อและตากล้องไม่เห็น แต่เป็นสิ่งที่สิงอยู่ในกายมนุษย์และสัตว์ทุกประเภท มีความรู้สึกนึกคิดอยู่ภายในกาย จัดเป็นธาตุรู้อันหนึ่งจากกายมนุษย์และสัตว์ แม้จะไม่ได้รับความกระทบกระเทือนจากสัมผัสทางอายตนะภายนอกก็ตาม ธาตุรู้อันนี้จะทรงความรู้ไว้เสมอตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น ไม่ละความรู้แม้แต่ขณะเดียว ตลอด ๒๔ ชั่วโมงของวัน เดือน ปีที่ผ่านไป แต่ธาตุรู้อันนี้ก็เป็นธาตุรู้ธรรมดา
เฉย ๆ ไม่มีอะไรปรุงก็รู้ เมื่อมีเครื่องปรุงธาตุรู้อันนี้ก็เปลี่ยนสภาพไปตามอารมณ์ทันทีที่มากระทบ ตามแต่อารมณ์จะมีความหมายไปอย่างไร เช่นอายตนะภายนอกมีรูปเป็นต้น มากระทบอายตนะภายใน มีตาเป็นต้น ธาตุรู้นั้นจะกระเพื่อมขึ้นเป็นความรู้ประเภทหนึ่งจากความรู้เดิมทันที คือเป็นความรู้ซ้อน ๆ กันขึ้นมาเป็นพัก ๆ มีลักษณะให้รักบ้างชังบ้าง เพลินบ้างโศกบ้าง แฝงขึ้นมาทันที ความจริงแล้วไม่ใช่ธาตุรู้เดิม แต่อาศัยธาตุเดิมเกิดขึ้น ฉะนั้นสิ่งทั้งนี้จึงเกิดได้ดับได้ไม่แน่นอน ตกอยู่ในไตรลักษณ์สาม คือ อนิจจังไม่เที่ยง ทุกขังเมื่อหลงตามก็ลำบาก อนัตตาเป็นไปตามสภาพของสภาวะทั้งหลาย ลักษณะทั้งนี้แล้วแต่สิ่งแวดล้อมที่จะทำให้เป็นไป
เราจะทราบความรู้เดิมกับความรู้แทรกได้ชัด ในเวลาหลับกับเวลาตื่น เวลากระทบอารมณ์กับเวลาปกติจิต คนมีสติธรรมดากับคนที่ได้รับการอบรมทางด้านจิตใจจนได้รับความสงบ และคนที่มีภูมิธรรมอันละเอียด กับท่านผู้มีสติวินัย คือพระอรหันต์ ทั้ง ๆ ที่ธาตุความรู้เดิมมีอยู่ในบุคคลทั่วไปไม่แปลกต่างกัน แต่อาการของความรู้เดิมจะค่อยเปลี่ยนสภาพในตัวเอง จากการอบรมธรรมเป็นขั้น ๆ จากขั้นต่ำจนถึงขั้นสูงสุด ในที่สุดจะไม่ปรากฎอาการรักชัง เป็นต้น เหลืออยู่ในธาตุรู้เดิมของผู้ปฏิบัติอบรมใจด้วยธรรมนั้นเลย อาการทั้งนี้จะพึงทราบจากบุคคลซึ่งได้รับการอบรมมาเป็นลำดับ และนักสังเกตจิต
ธาตุรู้ซึ่งให้นามว่า "จิต" นี้ ทรงไว้ซึ่งความรู้คือหลับก็รู้ หลับสนิทก็รู้ ตื่นก็รู้ และฝันเรื่องอะไรก็รู้
กระทบอารมณ์ซึ่งจะเป็นเหตุให้ดีใจเสียใจก็รู้ รับรู้ไว้หมดไม่ลำเอียง กิริยาที่ลำเอียงเป็นธาตุแทรก หรือความรู้ที่แทรก ความรู้เดิมนี้ถ้าเปรียบเทียบเหมือนเหล็กหรือเงินทองทั้งดุ้นซึ่งยังไม่ได้ถลุงหรือเจียระไน ให้เป็นของควรแก่เครื่องประดับที่จะพึงซื้อขาย หรือใช้ประโยชน์ได้ตามความนิยม จะยังใช้ประโยชน์ไม่ได้เต็มที่ เพราะยังไม่ได้รับการอบรมให้ควรแก่เหตุ เหมือนทารกซึ่งยังไม่รู้เดียงสา แม้จะถูกน้ำร้อนหรือไฟไหม้ก็จะรู้สึกแต่ความเจ็บปวดเป็นทุกข์เท่านั้น ไม่รู้วิธีจะหาทางออกจากอันตรายให้พ้นภัยไปได้
ความรู้เดิมนี้เป็นธรรมชาติที่ไม่รู้จักดับ แต่สิ่งแวดล้อมที่เรียกว่า กิเลสยังมีอยู่ตราบใด ก็เป็นเหตุให้ท่องเที่ยวไปตามกระแสของวัฏฏะตราบนั้น หมุนไปเวียนมา ออกจากร่างนี้ เข้าสู่ร่างนั้น ซึ่งให้นามว่า เกิด ตาย