วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555

1. ประวัติ-คำสอน คุณแม่จันดี โลหิตดี


1. ประวัติโดยย่อของคุณแม่จันดี  โลหิตดี

คุณพ่อชื่อนายทองดี-คุณแม่แพงศรี  โลหิตดี
ท่านเกิดวันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ.2473
เกิดที่หมู่บ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
ท่านเป็นน้องสาวคนที่ 9 ที่ยังมีชีวิตอยู่
เมื่อพระหลวงตา มาตั้งวัดป่าบ้านตาด เมื่อ ปี พ.ศ. 2499  ท่านเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจัง
ตามธรรมคำสอนของพระหลวงตา ต่อมาในปี 2524 ท่านได้ขอสามี
และลูก ๆ มาปฏิบัติธรรมที่วัดป่าบ้านตาด
โดยมีพระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งเป็นพระพี่ชาย
และครูบาอาจารย์ ทั้งเป็นเหมือนพ่อเป็นผู้อบรมสั่งสอน
ชีวิตการปฏิบัติของท่านในวัดป่าบ้านตาด ท่านตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่
ว่าจะไม่ทำให้พระหลวงตาหนักใจ และจะไม่ใช้สิทธิในความเป็นน้องอย่างเด็ดขาด
ท่านจึงทำตัวเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่ในวัดเพื่อจะกำจัดกิเลสใหญ่ในใจตัวเอง
และให้อาจารย์ใหญ่ทั้งหลายช่วยทำลายกิเลสในใจ ทิฐิ มานะ
ศักดิ์ศรี ความเป็นตัวตน ท่านยอมต่อกิเลส เสือใหญ่ในใจของทุกคนที่มาเกี่ยวข้อง
ยอมหมอบ ยอมทน ก้มหน้า เช็ดน้ำตา พร่ำสอนตัวเองว่า “กิเลสมึงหนา
ท่านเหล่านั้น จึงเมตตาช่วยสอน ถ้ามึงดี มึงต้องฝึกตัวเอง ให้พ้นจากบุคคลเหล่านี้
ยิ่งเขากระทำ เหมือนเหยียบย่ำ ยิ่งเหมือนย้ำเตือนใจ
ให้มีกำลังสั่งสมความพากเพียร เพื่อจะหนีออกจากโลกนี้ให้เร็วขึ้น” 
ทางเดินของท่านจึงต้องฟาดฟัน กับศัตรูใหญ่ภายในใจตัวเองอย่างโหดเหี้ยม
กดหัวตัวเองลง...ค่าของความเป็นคน แทบไม่มี เหมือนผู้อื่น
ยอมฝืน ยอมทน สกัดกั้น น้ำตาให้ไหลอาบหน้าอยู่ในป่าเพียงลำพัง
แต่สุดท้าย ก็สมหวัง ถึงฝังดั่งใจหมาย
เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ในคืนวันที่  29  สิงหาคม พ.ศ. 2535
เวลา 5 ทุ่มครึ่ง ธรรมประกาศป้างขึ้นในใจ
“อายะตะนะนั้นมีอยู่ แต่ไม่มีดิน-น้ำ-ไฟ-ลม
ไม่มีจุติเคลื่อน ไม่มีที่ไป ไม่มีที่มา ไม่มีอารมณ์
ไม่มีอารมณ์ นั้นแหละคือที่สุดแห่งทุกข์”
อวิชชาขาดกระเด็นออกจากจิต ขณะนั้นรู้ว่าอวิชชาเหนียวแน่นมาก
พร้อมกับก้นกระแทกพื้น สูง 1 ศอก โลกธาตุหวั่นไหว แผ่นดินสะเทือน
เสียงดังสนั่น ถึด...ถึด...ถึด...ถึด
แผ่นฟ้าม้วนกลับลงมา พันกันกับแผ่นดิน
ม้วนรวมกันแล้วจึงแยกออกจากกัน โลกธาตุหวั่นไหว
พร้อมกับเสียงอนุโมทนาสาธุการ จากสวรรค์ทุก ๆ ชั้น
ชั้นพรหมทุก ๆ ชั้น ลงถึงพื้นบาดาล ขวาซ้ายสถานกลาง
ร่วมอนุโมทนา สาธุการ เสียงปี่พาทย์ บรรเลง ขับกล่อม
กระหึ่มก้อง เสียงประกาศก้องขึ้นที่จิต
“ว่าง – วาง จิตพุทธะ > จิตบริสุทธิ > จิตเป็นธรรมชาติ
 (ขณะที่อวิชชาขาดออกจากจิต)
 พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวกทุก ๆ พระองค์
โดยเฉพาะพระหลวงตาได้ช่วยหนุนจิตท่านทุก ๆ พระองค์
ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ไม่มีอะไรก่อน ไม่มีอะไรหลัง
แต่การเล่า จำเป็นต้องเรียงถ้อยคำเพื่อคนฟังจะได้รู้เรื่องเข้าใจ
ยังมีอะไรอีกมากที่ท่านบอกไม่สามารถ พูดให้ฟังได้หมด
เพราะของเหนือโลก เจอแล้วจะรู้เอง...

หลังจากท่านบรรลุธรรม บรรดาเหล่าพญานาคพร้อมใจกัน
มาถวายไฟบูชาธรรมในคืนวันออกพรรษา
พญานาคน้อยใหญ่ มากันเป็นครอบครัว สุดแสนจะน่ารัก
พากันผงกหัวขึ้นลงพร้อม ๆ กัน 3 ครั้ง แทนการกราบกรานท่านผู้มีธรรม
พวกเขาน้อยใจที่ไม่มีมือเหมือนมนุษย์ จึงต้องใช้หัวผงกกราบกรานแทนมือ
“พญานาค น้อยใหญ่กวงไกล เป็นสายมา หลั่งพนมกรเก้า (ภาษาลาวเวียงจันทร์)
(แปล-“พญานาคน้อยใหญ่ทั้งใกล้ และไกล เป็นสายหลั่งไหลมากราบไหว้”)
ขอถวายไท้ บูชาธรรมองค์เอก”
จิตของพญานาค ระลึกนอบน้อมบูชาธรรม
ด้วยความเคารพสูงสุด ต่อท่านผู้ทรงธรรม

ชมซากเก่าหนหลังครั้งในอดีต
ท่านบอกเล่าถึงอดีตชาติของท่านในหลาย ๆ ชาติที่ผ่านมา
ท่านเล่าถึงอดีตของท่านให้ฟังในชาติที่เกิดเป็นพระนางจามเทวี
รูปปั้นนี้ไม่เหมือนตัวจริงเท่าไหร่   ตัวจริงสูงกว่านี้ หน้ายาวกว่านี้  
พี่สาวท่านพูด รูปปั้นนี้ก็สวยมากแล้ว ท่านบอก
ไม่สู้ตัวจริง ตัวจริงสวยกว่ารูปปั้น พวกเจ้าเห็นไหมสิ่งที่โลกเขาตื่นกัน
ก็มีแค่นั้น ตื่นในลาภ ในยศ   ลูกหลานเกิดมาก็แบบเดียวกัน
ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน ก็หลงกันอยู่แค่นี้หละ
โอ๊ย! สลดในภพชาติที่ผ่านมา ยิ่งเป็นใหญ่ ยิ่งทุกข์  
ชาติเป็นพระนางจาม จะเรียกเป็นกษัตริย์ผู้หญิงก็ใช่ จะเรียกนางพญาก็ใช่  
เพราะเป็นกษัตริย์ผู้หญิงไม่มีครอบครัว  ปกครองบ้านเมือง
อะไร ๆ ก็อยู่ในหัวอกหมด ท่านบอก
แต่ก่อน  ครั้งเป็นแม่นางจาม พาประชาชน
และตัวท่านเองเร่งสร้างบารมีเต็มที่ ทั้งรักษาดินแดน
รักษาบ้านเมือง  เพราะเป็นกษัตริย์ผู้หญิง    
กษัตริย์เมืองไหนก็อยากมาตีเอาเป็นเมืองขึ้นจึงลำบาก 
ทั้งรับศึก  รักษาแผ่นดิน  ทั้งเร่งสร้างบารมี แต่ในชาตินี้ก็สมใจแล้ว 
ย้อนดูภพเก่าหนหลัง จะเกิดทางภาคเหนือ มากกว่าภาคอีสาน
ไปที่ไหนผ่านตรงไหน    ก็เห็นแต่ซากของตัวเอง ร่องรอยการเกิดตาย  ของตัวเอง สลดใจก็แต่ข้าราชบริภาร  ผู้ใหญ่  ที่เคยช่วยท่านมา  น่าสงสาร 
ผ่านไปที่ไหน  ขอยกโทษให้ทุก ๆ คน ทำด้วยความไม่รู้ 
ถ้ารู้คงไม่ทำ โอ๊ย! น่าสงสาร  เพราะต่างก็เคยมีบุญคุณต่อท่านมา
ท่านบอก แม่ดีใจที่ได้มาภาคเหนือคราวนี้  เพราะวิญญาณที่คอย  
ขออภัยโทษมีไม่น้อยดวงจิต บางดวงกรรมไม่มาก
พอท่านยกโทษให้พร้อมแผ่ส่วนบุญ  รับอนุโมทนา
ก็เปลี่ยนภพไปสวรรค์เลยก็มี แต่ที่กรรมหนัก  ก็แผ่ส่วนบุญ กลายเป็นกรรมเบา
ขึ้นก็เยอะ แต่ทุกดวงจิตบอกท่านว่า
รอท่านมาโปรดนานแสนนาน 
แต่ความสุขที่ได้รับเมื่อเจอท่านที่รอคอยก็แสนสุข
แต่ก็แสนทุกข์อีกเมื่อท่านจะจากไป
ท่านสลดใจสงสารวิญญาณ ครั้งก่อนเคยเป็นมนุษย์
ล้วนเคยเป็นเจ้าใหญ่นายโต เพราะกรรมที่ทำมาในอดีต
จึงต้องชดใช้ผลของการกระทำนั้น
เกิด แก่ เจ็บ ประจักษ์แจ้ง ทุกแห่งหน
อันความทุกข์ มีไว้ในตัวคน ถึงอับจน ยากดี ไม่หนีไกล
อายุไท้ เกิดมาได้ ปี 2473 ขนานนามว่า จันดี ที่บ้านตาด
ความองอาจ ใจจิต พิชิตพร้อม
กราบนอบน้อม จนถึงซึ่งพระนิพพาน
วันเวลา ผันผ่าน กาลมาถึง
อายุซึ่ง 82 ครองวัยได้
ความเจ็บไข้ มาเยือน เตือนลูกหลาน
อนิจจา โลกไม่เที่ยง เพียงวันคืน
ไม่อาจฝืน อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
ถึงชีวาวายสิ้น สลายลงเป็นดิน แม่บ่สิ้นเป็นห่วง
เป็นห่วงเด๋ เป็นห่วงลูกผู้แหวกว่าย
สิไปซ้นเพิ่งผู้ได๋ (จะไปพึ่งผู้ใด)

คุณแม่เมตตาธรรม

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
แสงธรรมเหนือโลก สาดส่องดั่งกล้องวิเศษ
ถูกกิเลสที่มืดดำปิดกั้นธรรมทุกรูปแบบ  ธรรมแทบจะแทรกไม่ได้
กายทะลุหัวใจพัง จึงถึงฝั่งพระนิพพาน 
มืดแสนมืด ลึกแสนลึก ยากแสนยาก   ทางของธรรมเจาะลำบากยากยิ่งแสน
เพียงสาดส่องลามเลียระเหี่ยใจ   อยากฝากไว้ให้ลูกหลานคืบคลานตาม
กล้องส่องทางแห่งธรรมลำบากแสน   สุดยากแค้นดึงพวกเจ้าเข้าหาฝั่ง
ทุกข์ต้องทนจนระอาอิดหนาใจ   ฝากธรรมไว้เป็นคติที่ใจเทอญ
ธรรมมีจริงพวกเจ้าทิ้งทุกสิ่งได้ แต่ดวงใจกลับเมินธรรมน่าชังนัก
แม่ทั้งรักปลูกฝัง หวังให้เจ้าเข้าถึงฝั่งดังแม่เอย

ธรรมที่จิตที่ส่งให้ได้ใฝ่รู้  เหมือนสุดกู่ไกลลิบลับต้องพลัดตก

สุดหยิบยกธรรมสอนสั่งดังหวังไว้   แม่อยากให้ลูกผู้รับ กลับมืดมนสับสนจริง
ไม่ชอบทิ้งโลกา แม่พาไป    ชอบเกิดตายทิ้งร่างฝังดินไว้    
ชอบให้จิตทุกข์หมกไหม้ไม่ยอมถอย    ทางแห่งธรรมแม่ชี้นำไม่ชอบเอา
อยากฝังร่างพวกสูเจ้าเฝ้าแผ่นดิน    ก้อนธาตุสี่นี้จิตคงหวงแหน
ธรรมของแม่คงทดแทนธาตุไม่ได้   หวังเทียวเกิดเทียวตายสลายธรรม
แม่น้อมนำชักชวน หวนทิ้งธรรม   สุดจะนำเข้าถึงฝั่งดังใจหมาย

ร่างของแม่สลายเมื่อถึงกาล   คงได้รู้ก็เมื่อสาย หายเห็นผิด


ถึงจะคิดอยากให้ฟื้นฝืนไม่ได้  
เมื่อแม่อยู่สอนสั่งดั่งคล้ายลม   บอกผสมอากาศแล้วผ่านไป
ดั่งธรรมไร้ความหมายคล้ายของผิด   ไปสะกิดกิเลสเจ้าเข้าไม่ถึง
สุดสังเวชกิเลสมืดฝืดเคืองจม   แม่สุดทน ต้องจำลาพาจากไกล
ถ้าคิดได้ตั้งตัวขึ้นนะเจ้า   เฝ้าพนมก้มกรเพียรกราบไหว้ 
แล้วสลายดวงจิตที่ผิดพลาด   ได้ประกาศธรรมของจริง ทิ้งโลกา

แดนแห่งธรรมนานแสนนาน   คอยพวกเจ้าเฝ้าคืบคลาน ผ่านทิ้งโลก

พ้นทุกข์โศกเมื่อใดได้พบแม่   ครองธรรมแท้แดนเดียวกันเมื่อทันถึง
แม่ช่วยดึงคอยให้กำลังใจลูก   ถึงแม่จะผ่านทิ้งโลกไปนานแสนนาน

แม่ยังสานธรรมไว้เพื่อได้เดิน   จับให้มั่นทางแม่สานเฝ้าเดินต่อ


อย่าได้ท้อไม่มีแม่ชะแง้หา   สุดอ้างว้างไม่ห่างทางแม่นำพา


คอยลูกมายื่นมือไว้ให้เจ้าดึง   โลกไม่เที่ยง ความพลัดพรากจากพวกเจ้า
ขอให้เฝ้าคำนึงคิดถึงจิตตลอด เมื่อแม่จาก  
ความพลัดพรากเป็นของจริง   ธรรมไม่ทิ้งจริงแท้คืออนิจจัง
เมื่อถึงฝั่งเมื่อใดจึงได้พบ   ถึงจุดจบอนิจจังพังไปสิ้น
สุดเมตตาลูกยาที่เคยเกิด   เคยกำเนิดในภพทั้งน้อยใหญ่
แม่จะจากฝากธรรมไว้ให้ลูกตาม   นานแสนนาน อย่าทิ้งธรรมแม่พร่ำสอน
คงสักวันได้พบกันหรอกนะเจ้า   แม่คอยเฝ้าอยู่แดนสุข ไร้ทุกข์สิ้น

แม่จะผินหน้าคอยมองหาพวกลูกยา   คอยให้มาถึงฝั่งดั่งแม่เอย.


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
www.Dharmaseedlings.Org "ต้นกล้าแห่งธรรม"





วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

 2. คืนที่พระหลวงตามหาบัว...จากไป
คืนวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม
เวลา 3 นาฬิกา 53 นาที

โอ้หนอ องค์พ่อเจ้า เสด็จเข้าอนุปาทิเสสนิพพาน
แผ่นดินสะเทือน แผ่นฟ้าสะท้าน
ยามราตรีกาลผ่านมาใกล้ เฝ้าร้องไห้คร่ำครวญ
หวนคิดถึง ถึงอยากดึงร่างท่านไว้
ไม่ให้พรากไม่ให้จาก อยากเฝ้ามองจ้องแลหา
เฝ้ากราบกรานถึงคุณท่านที่ผ่านมา
อยากตามหาร่องรอยองค์จอมธรรม
อกสะท้าน จิตร่ำไห้ ใจสะอื้น ไกลสิบหมื่น แสนลี้ หนีห่างหาย
โอ้นี่หรือ คือธรรม ที่ไม่ตาย องค์สุดท้าย องค์พ่อเจ้า เข้านิพพาน ธรรมคงอยู่ คู่ฟ้าดินสลาย
ธรรมไม่ตาย ไปตามองค์ ผู้ทรงศีล
ได้แต่ย้ำ บอกหัวใจ ที่ไหม้ริน
ทุกข์ไม่สิ้น จวบวันตาย ไม่ห่างธรรม
ขอยกเท้าขององค์ท่านไว้เหนือหัว
กราบคุณท่าน ที่ท่วมท้น สุดคณา
ท่วมแผ่นฟ้า ท่วมแผ่นดิน ท่วมหัวใจ
ยามสิ้นท่าน เหมือนหัวใจไกลหลุดลอย
ยากจะสอยให้กลับมาเหมือนเดิมได้
ตะวันลับ เคลื่อนคล้อย ยังคอยกลับ
องค์พ่อเจ้า ไกลลับไม่กลับหวน
ถึงอกตรม ตรอมจิต ความผิดหวัง
ถึงอกไหม้ สะอื้นไห้ ไม่มีองค์พระผู้ทรงสละให้ทั้งแผ่นดิน
องค์ธรรมไท้ คงไม่ฟื้นคืนให้เห็น
ฝูงนกกา ขาดที่พึ่ง เคยพักพิง ถูกทิ้งดิ่ง ไร้จุดหมาย ตายทั้งเป็น
ทูลเหนือเกล้า ทูลกระหม่อม จอมธรรมแท้
ไร้องค์ท่าน สั่นสะท้านทั้งแผ่นดิน
เหมือนสูญสิ้นหลักของใจ ไหม้มลาย
ธรรมไม่ตายฝังไว้ในดวงจิต ธรรมสถิตตามติดทุกแห่งหน
มีพุทโธแทนองค์ท่านยามค่ำคืน
พร้อมกับกลืนเสียงสะอื้นในหัวใจ
ยามร่ำไห้ คิดถึงไท้เกล้าเหนือหัว น้ำตาพรากอาบหน้า ตาพร่ามัว
ขอยกองค์เหนือหัว เกล้าจอมธรรม
ขอกราบลงแทบเท้า เกล้าจอมธรรม
เกล้าผู้นำ ที่อาจอง ทรงศักดิ์ศรี
ทำความดี เป็นตัวอย่าง ไม่ค้างคา
จุติมา เพื่อโปรดโลก ที่โศกตรม
มีแต่ให้ จิตใหญ่ยิ่ง ทิ้งสงสาร
เสด็จผ่าน ณ ที่ใด ใครได้เห็น ดับทุกข์ให้คนเข็ญใจสุดลำเค็ญ ความจำเป็น รับเอาไว้ ในอกเอง
คุณของท่าน พรรณนาหาไหนเปรียบ
สุดจะเทียบ เปรียบคุณของท่านได้
สุดยิ่งใหญ่ จะหาใครได้ที่เหมือน
ยอมเฉือนเนื้อหัวใจ ให้ส่วนรวม
องค์ผู้ให้ จากไกลไปจากโลก
สุดเศร้าโศก ท่านทิ้งไป ไม่เหลียวหลัง
ขอเกาะไว้ เสียงที่ดัง ก่อนสั่งลา
จะไม่มา มีภพชาติ อีกต่อไป